ชี้เป้า!!ร้านอาหารเด็ดในมิลานที่ไม่ควรพลาด (อิตาลี ตอน 2)
Milan เมืองสำคัญเมืองหนึ่งทางเหนือของประเทศอิตาลี อยู่กลางที่ราบแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) ในภาษาอิตาลี คือ Milano มีชื่อเสียงเป็นเมืองแห่งแฟชั่นเช่นเดียวกันกับเมืองใหญ่ในโลก เช่น ปารีส นิวยอร์ก ลอนดอน มิลานยังเป็นต้นกำเนิดของขนมในประเพณีคริสต์มาส ชื่อ ปาเนตโตเน หรือ ปาเนตโทน (Panettone) ที่โด่งดังทั่วโลก มักให้เป็นของขวัญกัน ลักษณะเป็นก้อนคล้ายๆคัพเค้กชิ้นใหญ่ ทรงถัง ข้างในมีส่วนผสมของผิวส้มเชื่อม สามารถเก็บได้นาน เป็นขนมเค้กเนื้อแห้ง เวลาทานควรทานคู่กับครีมมาสคาร์โปน เหล้าลิเคียว หรือ น้ำผึ้ง
เมื่อมามิลานต้องหาโอกาสมาลองร้านนี้ค่ะ Vun ตั้งอยู่ในโรงแรม Park Hyatt Milan มิชลิน 2 ดาว(มีแค่ 1 ใน 2 ร้านที่ได้มิชลินที่มิลาน) โดยเชฟ Andrea Aprea เชฟชาวอิตาเลียน นำเสนออาหารลักษณะ Innovative ประยุกต์ขึ้นโดยใช้อาหารอิตาเลียนเป็นแรงบันดาลใจในการคิดและออกแบบแต่ละเมนู ที่นี่ไม่มีอาหารสั่งแบบ A La Carte แต่จะมีเป็นอาหารที่จัดมาเป็นคอร์ส ราคา 3 คอร์ส 120.-ยูโร/คน(Starter,First course,Main course or Dessert) และ 4 คอร์ส 145.- ยูโร/คน จะมีเพิ่มในส่วนของของหวานให้ปิดท้าย
อาหารร้านนี้น่าสนใจมาก เพราะว่าการไปทานอาหารครั้งนี้ราวกับไปชมงานศิลปะ ที่แต่ละจานมีการออกแบบให้มีรูปร่าง หน้าตา รสชาติ รสสัมผัสที่ลึกล้ำกว่าอาหารปกติทั่วๆไป เมนูที่ชอบ เช่น Caprese เป็นจานแรกที่มีคำจำกัดความในเมนูว่า Sweet and salty ดูภายนอกเหมือนชีสมอสซาเรลล่า คล้ายๆจานชีสคลาสสิค แต่เมื่อทานไป ด้านนอกที่ห่อหุ้มสีขาวกลับกลายเป็นน้ำตาลกรอบ รสหวาน เมื่อตีแตกด้านในจะเป็นรสชีสที่เบานุ่มหอมมัน
Lemon Risotto ทานพร้อมกับกุ้งแดงรสชาติกลมกล่อมเฉพาะตัว ความอร่อยของกุ้งแดงที่อิตาลีนี้ไม่แพ้ Botan Abi จากฮอกไกโด ข้าวริซอตโต้นี้จะหุงให้หอมด้วยกลิ่นมะนาวที่ขึ้นชื่อของอิตาลี เพิ่มความหอมอีกนิดจากโรสแมรี่ ให้ความรู้สึกสดชื่นสมเป็นจานซิกเนเจอร์ของร้าน ซึ่งแสดงความเป็นตัวตนของอาหารอิตาเลียนแต่นำเสนอในรูปแบบใหม่
ส่วนในอาหารจานหลักของร้านนี้ต้องลอง นกพิราบเด็ดมากค่ะ โดยเฉพาะ ซอส ปรุงมากับเชอรรี่ ให้ความหวานหอม อร่อยสมชื่อ
ก่อนจะไปของหวาน จะมีการดึงประสาทสัมผัสโดย นำกระถางมะนาวที่ด้านล่างใส่น้ำแข็งแห้ง ราดน้ำร้อนลงไปให้กลิ่นหอมของมะนาวและ ความเย็นกระจายทั่วโต๊ะ กระแทกประสาทสัมผัสของเราทันที ขณะที่เสิร์ฟเชอร์เบทมะนาวมาตรงข้างหน้า ขอปรบมือให้เชฟจริงๆว่า งานศิลปะชิ้นนี้กระตุ้นทุกประสาทสัมผัสได้ราวกับดูคอนเสิร์ตจนถึงจุดไคลแมกซ์
ก่อนที่จะปิดท้ายสั่งลาด้วยของหวาน คืนนี้มีเมนูชื่อว่า Gianduja and Raspberries เมื่อรสเข้มดุดันของช็อกโกแลตตัดกับความเปรี้ยวและหอมกรุ่นของราสเบอร์รี่
ท้ายสุดตามแบบฉบับอาหาร Fine Dining จะมีขนมคำเล็กๆที่เรียกว่า Petit Fours ซึ่งเชฟบรรจงประดิษฐ์เป็นคำเล็กๆ เช่น Tiramisu ส่วนนี้มีไว้เพื่อให้คืนนี้เป็นคืนแห่งความทรงจำที่ดี คืนนี้กลับไปนอนฝันถึงอาหารของร้านนี้ อิ่มตา อิ่มใจ ตื่นเต้นไปกับทุกๆจานของร้านนี้เลยค่ะ
แนะนำให้จองล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ในทริปอิตาลีนี้ ยังมีร้านอร่อยอีกมากมายที่หากมีโอกาสไปลองดูก็ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ เพราะมาดามตวงเชื่อว่า อาหารก็คือหนึ่งงานศิลปะที่สามารถเสพได้ครบทุกประสาทสัมผัสที่ศิลปินหรือเชฟได้บรรจงสร้างขึ้นมาด้วยจิตวิญญานอย่างแท้จริง
Vun Andrea Aprea
Via Silvio Pellico 3 ,Milan Tel. +39 02 8821 1234 Email: restaurant.milan@hyatt.com