92/34-36 Soi Pattanakarn 40 , Pattanakarn rd., Suan Luang, BKK
02-7229920-2

ชี้เป้า!!ร้านอาหารเด็ดในมิลานที่ไม่ควรพลาด (อิตาลี ตอน 2)

Milan เมืองสำคัญเมืองหนึ่งทางเหนือของประเทศอิตาลี อยู่กลางที่ราบแคว้นลอมบาร์ดี (Lombardy) ในภาษาอิตาลี คือ Milano มีชื่อเสียงเป็นเมืองแห่งแฟชั่นเช่นเดียวกันกับเมืองใหญ่ในโลก เช่น ปารีส นิวยอร์ก ลอนดอน มิลานยังเป็นต้นกำเนิดของขนมในประเพณีคริสต์มาส ชื่อ ปาเนตโตเน หรือ ปาเนตโทน (Panettone) ที่โด่งดังทั่วโลก มักให้เป็นของขวัญกัน  ลักษณะเป็นก้อนคล้ายๆคัพเค้กชิ้นใหญ่ ทรงถัง ข้างในมีส่วนผสมของผิวส้มเชื่อม สามารถเก็บได้นาน เป็นขนมเค้กเนื้อแห้ง เวลาทานควรทานคู่กับครีมมาสคาร์โปน เหล้าลิเคียว หรือ น้ำผึ้ง

เมื่อมามิลานต้องหาโอกาสมาลองร้านนี้ค่ะ Vun  ตั้งอยู่ในโรงแรม Park Hyatt Milan มิชลิน 2 ดาว(มีแค่ 1 ใน 2 ร้านที่ได้มิชลินที่มิลาน) โดยเชฟ Andrea Aprea เชฟชาวอิตาเลียน นำเสนออาหารลักษณะ Innovative ประยุกต์ขึ้นโดยใช้อาหารอิตาเลียนเป็นแรงบันดาลใจในการคิดและออกแบบแต่ละเมนู ที่นี่ไม่มีอาหารสั่งแบบ A La Carte แต่จะมีเป็นอาหารที่จัดมาเป็นคอร์ส ราคา 3 คอร์ส 120.-ยูโร/คน(Starter,First course,Main course or Dessert)  และ 4 คอร์ส 145.- ยูโร/คน จะมีเพิ่มในส่วนของของหวานให้ปิดท้าย

Amuse Busche จานแรก ซ้ายแรงบันดาลใจจากเครื่องดื่มยอดนิยม Spritz กรอบนอกแตกในปากมีเม็ดเปาะแป๊ะ,หมอนทำจากมันฝรั่ง,ทาร์ตมะกอกดำ

Puffed Gnocchi Red Tuna Spring Onion Goat’s curd

ปลาแมคเคอเรลหมักสระแหน่

ทางซ้ายของร้อนเป็นกุ้งScampiด้านบนเป็นเห็ดแชมปิญองทานคู่กับ Egg Nog ด้านขวาเป็นกุ้ง Scampi ดิยเสิร์ฟเย็น มีข้าวเกรียบทำจากข้าวให้ทานคู่กันพร้อมซุปใส (Vun)

อาหารร้านนี้น่าสนใจมาก เพราะว่าการไปทานอาหารครั้งนี้ราวกับไปชมงานศิลปะ ที่แต่ละจานมีการออกแบบให้มีรูปร่าง หน้าตา รสชาติ รสสัมผัสที่ลึกล้ำกว่าอาหารปกติทั่วๆไป เมนูที่ชอบ เช่น Caprese เป็นจานแรกที่มีคำจำกัดความในเมนูว่า Sweet and salty ดูภายนอกเหมือนชีสมอสซาเรลล่า คล้ายๆจานชีสคลาสสิค แต่เมื่อทานไป ด้านนอกที่ห่อหุ้มสีขาวกลับกลายเป็นน้ำตาลกรอบ รสหวาน เมื่อตีแตกด้านในจะเป็นรสชีสที่เบานุ่มหอมมัน

Caprese

Lemon Risotto ทานพร้อมกับกุ้งแดงรสชาติกลมกล่อมเฉพาะตัว ความอร่อยของกุ้งแดงที่อิตาลีนี้ไม่แพ้ Botan Abi จากฮอกไกโด ข้าวริซอตโต้นี้จะหุงให้หอมด้วยกลิ่นมะนาวที่ขึ้นชื่อของอิตาลี เพิ่มความหอมอีกนิดจากโรสแมรี่ ให้ความรู้สึกสดชื่นสมเป็นจานซิกเนเจอร์ของร้าน ซึ่งแสดงความเป็นตัวตนของอาหารอิตาเลียนแต่นำเสนอในรูปแบบใหม่

ส่วนในอาหารจานหลักของร้านนี้ต้องลอง นกพิราบเด็ดมากค่ะ โดยเฉพาะ ซอส ปรุงมากับเชอรรี่ ให้ความหวานหอม อร่อยสมชื่อ

จานหลักเป็นนกพิราบกับซอสเชอรี่ จานนี้อร่อยมาก

ก่อนจะไปของหวาน จะมีการดึงประสาทสัมผัสโดย นำกระถางมะนาวที่ด้านล่างใส่น้ำแข็งแห้ง ราดน้ำร้อนลงไปให้กลิ่นหอมของมะนาวและ ความเย็นกระจายทั่วโต๊ะ กระแทกประสาทสัมผัสของเราทันที ขณะที่เสิร์ฟเชอร์เบทมะนาวมาตรงข้างหน้า ขอปรบมือให้เชฟจริงๆว่า งานศิลปะชิ้นนี้กระตุ้นทุกประสาทสัมผัสได้ราวกับดูคอนเสิร์ตจนถึงจุดไคลแมกซ์

เลมอนพร้อมกลิ่น ควัน ไอเย็น ขณะที่ทานเชอร์เบทเลมอนไปพร้อมๆกัน

ก่อนที่จะปิดท้ายสั่งลาด้วยของหวาน คืนนี้มีเมนูชื่อว่า Gianduja and Raspberries เมื่อรสเข้มดุดันของช็อกโกแลตตัดกับความเปรี้ยวและหอมกรุ่นของราสเบอร์รี่

การเสพอาหารครบทุกมิติเชอร์เบทเลมอน

มาดามตวงพร้อมจานของหวานปิดท้าย

GianDuja and Raspberries ของหวานปิดท้ายเมื่อช็อกโกแลตเข้ากันมากกับราสเบอร์รี่และเฮเซลนัท

ท้ายสุดตามแบบฉบับอาหาร Fine Dining จะมีขนมคำเล็กๆที่เรียกว่า Petit Fours ซึ่งเชฟบรรจงประดิษฐ์เป็นคำเล็กๆ เช่น Tiramisu ส่วนนี้มีไว้เพื่อให้คืนนี้เป็นคืนแห่งความทรงจำที่ดี คืนนี้กลับไปนอนฝันถึงอาหารของร้านนี้ อิ่มตา อิ่มใจ ตื่นเต้นไปกับทุกๆจานของร้านนี้เลยค่ะ

Petit Fours ขนมคำเล็กๆส่งท้ายออกแบบโดยมีแรงบันดาลใจจากขนมชื่อดังเช่น Tiramisu

แนะนำให้จองล่วงหน้าแต่เนิ่นๆ ในทริปอิตาลีนี้ ยังมีร้านอร่อยอีกมากมายที่หากมีโอกาสไปลองดูก็ถือว่าคุ้มค่ามากค่ะ เพราะมาดามตวงเชื่อว่า อาหารก็คือหนึ่งงานศิลปะที่สามารถเสพได้ครบทุกประสาทสัมผัสที่ศิลปินหรือเชฟได้บรรจงสร้างขึ้นมาด้วยจิตวิญญานอย่างแท้จริง


Vun Andrea Aprea

Via Silvio Pellico 3 ,Milan  Tel. +39 02 8821 1234  Email: restaurant.milan@hyatt.com

Leave a comment